การ ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ และ การดูแลรักษา ให้แบตเตอรี่ของคุณพร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถ
การต่อสายเคเบิ้ลอย่างถูกวิธีเป็นส่วนสำคัญของการชาร์จแบตอย่างปลอดภัย
นอกจากตัวปั่นไฟแล้ว แบตเตอรี่เป็นส่วนสำคัญในระบบการทำงานของรถยนต์ มันเป็นตัวจ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์เสริมในรถทั้งหลายของคุณในขณะดับเครื่อง และเมื่อเครื่องยนต์ทำงานมันก็มีหน้าที่สำคัญในการขับเคลื่อนการทำงานของตัวปั่นไฟให้ทำงานได้อย่างเหมาะสม ไม่เหมือนระบบไฟสมัยก่อนที่ใช้ตัวกำเนิดกระแสไฟฟ้าซึ่งไม่ต้องมีแบตเตอรี่ แต่ระบบในปัจจุบันจำเป็นต้องมีแบตเตอรี่ในการทำงาน
แบตเตอรี่ที่ใช้ไม่ได้แล้วนั่นหมายถึงรถยนต์จะไม่สามารถสตาร์ทได้ และตัวปั่นไฟก็จะต้องทำงานหนักมากไปจนถึงระดับที่ปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งนี่เป็นคำตอบว่าทำไมการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์อย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใส่ใจ แม้ว่าตัวปั่นไฟจะสามารถทำหน้าที่ทำให้แบตเตอรี่ทำงานในสถานการณ์ปกติ แต่แบตเตอรี่อาจเสียได้จากหลายเหตุผล ซึ่งแบตเตอรี่อาจมาถึงจุดจบในหลายๆครั้งที่กำลังจะออกนอกบ้าน
อะไรคือตัวชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์?
เมื่อการชาร์จเป็นไปอย่างปกติและทุกอย่างทำงานอย่างเรียบร้อยดี แบตเตอรี่รถจะอ่านอยู่ที่ประมาณ 12.4 ถึง 12.6 โวลต์ และมีประจุสำรองเพียงพอที่จะทำงานได้ 25A เป็นเวลา 9-15 ชั่วโมง บางจุดแรงดันไฟฟ้าอาจตกลงมาต่ำกว่า 10.5 โวลต์ และแบตเตอรี่อาจทำให้ไม่สามารถสตาร์ทรถได้ อุณหภูมที่สูงหรือต่ำจัด และการหรือปัญหาในการจ่ายไฟและคายประจุไฟอาจทำให้ลดความสามารถในการจ่ายไฟได้ นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมคุณถึงกลับมาเจอกับแบตเตอรี่หมดเมื่อคุณเปิดไฟหน้าทิ้งไว้ระหว่างไปทำธุระ ในอีกสถานการณ์หนึ่ง คุณอาจจะเปิดไฟหน้าทิ้งไว้ทั้งวันแต่พบว่าการสตาร์ทเครื่องยนต์ยังปกติดี
ในกรณีใดๆ มันมีสองทางสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ โดยตัวปั่นไฟหรือตัวช่วยชาร์จเสริม โดยปกติแล้วการเปิดวิทยุหรือไฟหน้าทิ้งไว้ขณะเครื่องยนต์ไม่ทำงาน แบตเตอรี่จะถูกชาร์จอีกครั้งเมื่อคุณสตาร์ทเครื่อง ในขณะที่ RPM ของเครื่องยนต์สูงขึ้น ความสามารถของตัวปั่นไฟที่จะจ่ายกระแสไฟฟ้าก็สูงตามขึ้นไปด้วย และพลังงานที่ไม่ได้ถูกดึงไปใช้โดยอุปกรณ์เสริมอื่นอย่างเช่นไฟหน้า ก็จะถูกนำไปใช้ชาร์จแบตเตอรี่
ในบางกรณี เมื่อคุณใช้แบตไปกับไฟเบรก มันอาจทำให้กระแสไฟเหลือไม่มากพอสำหรับอุปกรณ์ต่างๆทั้งหมด ซึ่งทำให้แบตเตอรี่หมดไปเป็นเวลานานก่อนที่จะได้รับการชาร์จ
การชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์
หากตัวปั่นไฟไม่สามารถใช้ได้ อีกทางเลือกหนึ่งก็คือการชาร์จโดยใช้อุปกรณ์ภายนอก ซึ่งผลิตกระแสไฟฟ้าแบบ AC และจ่ายกระแสไฟฟ้า 12 โวลต์ DC ในระดับแรงดันที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในจะชาร์จแบตเตอรี่ที่ตายสนิท การชาร์จแบตเตอรี่ด้วยแรงดันที่สูงอาจไปเพิ่มการไหลออกของแก๊สไฮโดรเจนซึ่งนำไปสู่ความอันตรายที่แบตเตอรี่อาจระเบิดได้ นี่ถึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมควรจะใส่ใจการชาร์จแบตเตอรี่ในขณะที่เชื่อมสายเคเบิ้ลจั๊มพ์เปอร์ และเป็นข้อดีของการชาร์จแบตด้วยประจุไฟต่ำ
อาจเป็นไปได้ที่จะกำหนดระดับการชาร์จของแบตเตอรี่ผ่านสายเคเบิ้ลจัมพ์เปอร์ ถึงแม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง หลังจากต่อสายจัมพ์เปอร์จากรถยนต์ที่พ่วงกับแบตเตอรี่ การสตาร์ทและวิ่งเครื่องยนต์ซักพักหนึ่งอาจช่วยให้ตัวปั่นไฟสามารถชาร์จแบตเตอรี่ที่ตายแล้วได้
ระหว่างกระบวนการนี้ อุปกรณ์ภายในรถยนต์ที่ให้แบตเตอรี่ควรถูกแดทั้งหมดไม่เช่นนั้นตัวปั่นไฟจะไม่มีกระแสไฟมากพอที่จะชาร์จแบตเตอรี่ ขึ้นอยู่กับว่าสถานะแบตเตอรี่ว่าหมดในระดับไหน แต่โดยปกติแล้วใช้เวลาประมาณไม่กี่นาทีก็สามารถทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ปกติแล้ว
เมื่อได้รับการจั๊มพ์สตาร์ทเรียบร้อยแล้ว ตัวปั่นไฟจะทำหน้าที่ต่อ หากไม่ได้มีอุปกรณ์ที่ดึงกระแสไฟมากเกินไปในรถ แค่การวิ่งรถปกติเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้แบตเตอรี่สำรองไฟไว้ได้ อย่างไรก็ตามตัวปั่นไฟไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ที่หมดสนิท การมีตัวชาร์จสำรองจึงเป็นไอเดียที่ดีหลังจากจั๊มพ์สตาร์ทแล้วก็ตาม
การดูแลรักษาแบตเตอรี่
นอกจากต้องเช็คระดับแบตเตอรี่อยู่ตลอดเวลาและไม่เปิดไฟหน้าทิ้งไว้ข้ามคืนแล้ว แบตเตอรี่รถยนต์ยังต้องการการตรวจสอบระดับอิเล็กโทรไลต์และความถ่วงจำเพาะด้วย อิเล็กโทรไลต์ซึ่งเป็นสารประกอบในสารละลายในกรดไฮโดรคลอริกและน้ำต้องถูกปิดด้วยแผ่นตะกั่วในแต่ละเซลล์ เนื่องจากการไม่ปิดแผ่นตะกั่วให้สัมผัสอากาศนั้นจะทำให้เกิดปัญหาได้ หากแรงดันเฉพาะของเซลล์ทั้งหมดต่ำลง มันหมายความว่าแบตเตอรี่ต้องการการชาร์จ ขณะที่ความถ่วงจำเพาะต่ำในแค่เซลล์หนึ่งเซลล์อาจบ่งบอกถึงปัญหาภายในของแบตเตอรี่